วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

นิทานพื้นบ้านภาคเหนื้อ

นิทานไทย นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ เรื่อง "เซี่ยงเมี่ยงค่ำพญา" นิทานภาคเหนือ

มียายแม่หม้ายคนหนึ่ง มีลูกสามคน ทีแรกนั้น ยายแม่หม้ายคนนี้จะข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง ทีนี้ก็ข้ามไม่ได้
มีพญาขี่เรือมา ขอข้ามพญา(ขอข้ามไปกับพญา) พญาก็ไม่ให้ข้าม พระพายเรือมาอีก ขอข้ามกับพระ พระก็ไม่ให้ข้าม ทีนี้ก็มีลัวะพายเรือมาอีก ขอข้ามกับลัวะ ลัวะก็ไม่ให้ข้าม
ก็เลยผูกเวรไว้ว่า ขอภาวนา(ผาถะนา) มีลูกสามคน
คนหนึ่งไปแกล้งพญา
คนหนึ่งไปแกล้งพระ
คนหนึ่งไปแกล้ง เอ่อ...ลัวะ

ทีนี้ก็ พอดีก็..ยายแม่หม้ายคนนั้นเกิดมาอีกชาติหนึ่ง มาได้ผัวสิ มีลูกสามคนแหละ (ได้แต่งงานอยู่กินกับสามี จนมีลูกด้วยกันสามคน) ผัวตายทิ้ง เลยเป็นยายแม่หม้าย มีลูกสามคน คนหัวปี ไปแกล้งพญา (ลูกคนหัวปี ของนางแม่หม้าย ก็ได้ไปแกล้ง พญา ดังคำสาปแช่ง ที่นางแม่หม้ายได้อธิษฐานไว้ เมื่อชาติปางก่อน)
มัน...เที่ยวไปตามในบ้านในเมืองเนี่ย (ท่องเที่ยวไปวัน ๆ) เจอใครก็โกหก หลอกเล่นไปเรื่อย คนอื่นเห็น (คนอื่นๆ เห็นว่า)
"เออ...หมอนี่สมควรไปอยู่กับพญา มันพูดตลกขบขันดี"
พญาก็เอาอยู่ด้วย พญา บ้านเป็นทัพเมืองเป็นศึก พญาว่า
(พญาจึงได้สั่งกับเซี่ยงเมี่ยงว่า)
"เซี่ยงเมี่ยง ให้มึงอยู่บ้านนะ"
มันก็อยู่ อยู่เฝ้าบ้าน ทีนี้ พญาไปทัพ ปล่อยมันเฝ้าบ้าน มันก็พยายามเล่นเมียพญา(เซี่ยงเมี่ยงเล่นชู้กับเมียพญา) เมียพญาก็เล่นคบชู้กับมัน จนไม่รู้จะทำยังไง
พญามารู้ว่ามันเล่น มันก็ว่ามันไม่ได้เล่น
"ผมไม่ได้เล่น ผมไม่ได้ทำจริงๆ"
"ก็มึงมีหลักฐานเหรอ"
"มีสิ .. ถ้าผมได้เสพได้สู่กับเมียพญา ดูผมนี่เถอะ"
เอาปลาร้าปลาสร้อยเข้าพอกหัวแหละ "ดูสิ"
กลิ่นสาบตลบอบอวน พญาก็เลยเชื่อมัน ว่าไม่ได้เล่นจริง มันก็ไปเลี้ยงม้าพญา
"เลี้ยงม้า... น้อย...นอย..นอย.. ถ้าไม่มีปลาร้าปลาสร้อยเซี่ยงเมี่ยงก็ตาย"

ทีนี้ก็มันหลอก ใครไปใครมาก็หลอก หลอกสารพัด
พญาว่า
"มันเป็นยังไง...หมอนั่นหลอกเก่ง มึงลองหลอกกูดูซิ"
พญาขี่ม้ามา มันไปอยู่สนามนู่น หลอกคนทั้งหลาย ใครก็ว่าเซี่ยงเมี่ยงเนี่ยช่างหลอก พญาขี่ม้าไป "อะ...เซี่ยงเมี่ยงมึงช่างหลอก หลอกกูดูซิ"
"ก็จะไปหลอกได้ยังไง พญาอยู่บนหลังม้า ถ้าจะให้ข้าหลอก ต้องลงมาจากม้า ทางนี้สิ ลงมาอยู่ใก้ลใกล้ จะหลอกได้"
พญาก็กระโดดลงหลังม้า
"เอ้า...หลอกได้แล้ว"
"ก็หลอกพญาลงม้านั่นแล้วไง"
ทีนี้พญาว่า
"เอ้อ... ตกลง หลงคำหลอกจริง"
ไม่รู้จะทำยังไง ก็มีอีกหมอหนึ่ง เอากระทะครอบหัวมา ผ่านมา มันแหละ... เอากระทะ...
เซียงเมี่ยงว่ามันทำไมเอากระทะครอบหัว (นึกในใจ)
"อึม...เซี่ยงเมี่ยงวันนี้ทำไมไม่หลอก"
"เอ...ยังไม่หลอกหรอก เป็นยังไงไม่รู้ ตะวันจะออกสองดวง ไม่รู้เนี่ย"
หมอที่เอากระทะก็หวังว่า ตะวันออกสองดวง เงยขึ้น ก็กระทะตกแตกเสีย

ทีนี้ซ้ำไปหาเขา..เอ่อ..ขายเมี่ยง ก็ไปหลอกเขาจนเมี่ยง หมดเกลี้ยง ก็เลยให้ชื่อ"ไอ้เซี่ยงเมี่ยง"
อยู่มาอีก ทีนี้มันก็พยามแกล้งพญาเรื่อยเรื่อย ผลสุดท้ายพญา ก็เกลียดมัน มันแกล้งพญาเหลือแรง(เหลือร้าย) จะฆ่ามัน เอาเอ่อ...ยาพิษใส่น้ำ เอาให้มันกิน มันก็กินจริง มันไม่รู้ ก่อนที่มันจะตาย มันก็ได้บอกให้เมียมันว่า
"ถ้าข้าจะตาย ถ้าข้าตายไปแล้วละ ให้เองเอาข้าใส่ในอู่ ไกวเสียแล้วก็ เอ่อ... เอาหนังสือวางลง ส่องหน้าให้ข้าอ่านนะ"
ทีนี้มันก็กินยานั้นตาย
ตายแล้ว..เมียมันเอาใส่ในอู่ไกว พญามา มาแอบมาดู
"หา...เซี่ยงเมี่ยงเนี่ยมันยังไง กินยานี้ไม่ตายหรือนี่ ยานี้ไม่มีพิษเหรอ"
พญาก็มาชิมยาดู พญาก็เลยตายด้วย เรื่องก็จบลงเท่านี้
credit: http://thaiarc.tu.ac.th

นิทานพื้นบ้านภาคเหนื้อ

นิทานไทย นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ เรื่อง "เซี่ยงเมี่ยงค่ำพญา" นิทานภาคเหนือ

มียายแม่หม้ายคนหนึ่ง มีลูกสามคน ทีแรกนั้น ยายแม่หม้ายคนนี้จะข้ามน้ำไปอีกฝั่งหนึ่ง ทีนี้ก็ข้ามไม่ได้
มีพญาขี่เรือมา ขอข้ามพญา(ขอข้ามไปกับพญา) พญาก็ไม่ให้ข้าม พระพายเรือมาอีก ขอข้ามกับพระ พระก็ไม่ให้ข้าม ทีนี้ก็มีลัวะพายเรือมาอีก ขอข้ามกับลัวะ ลัวะก็ไม่ให้ข้าม
ก็เลยผูกเวรไว้ว่า ขอภาวนา(ผาถะนา) มีลูกสามคน
คนหนึ่งไปแกล้งพญา
คนหนึ่งไปแกล้งพระ
คนหนึ่งไปแกล้ง เอ่อ...ลัวะ

ทีนี้ก็ พอดีก็..ยายแม่หม้ายคนนั้นเกิดมาอีกชาติหนึ่ง มาได้ผัวสิ มีลูกสามคนแหละ (ได้แต่งงานอยู่กินกับสามี จนมีลูกด้วยกันสามคน) ผัวตายทิ้ง เลยเป็นยายแม่หม้าย มีลูกสามคน คนหัวปี ไปแกล้งพญา (ลูกคนหัวปี ของนางแม่หม้าย ก็ได้ไปแกล้ง พญา ดังคำสาปแช่ง ที่นางแม่หม้ายได้อธิษฐานไว้ เมื่อชาติปางก่อน)
มัน...เที่ยวไปตามในบ้านในเมืองเนี่ย (ท่องเที่ยวไปวัน ๆ) เจอใครก็โกหก หลอกเล่นไปเรื่อย คนอื่นเห็น (คนอื่นๆ เห็นว่า)
"เออ...หมอนี่สมควรไปอยู่กับพญา มันพูดตลกขบขันดี"
พญาก็เอาอยู่ด้วย พญา บ้านเป็นทัพเมืองเป็นศึก พญาว่า
(พญาจึงได้สั่งกับเซี่ยงเมี่ยงว่า)
"เซี่ยงเมี่ยง ให้มึงอยู่บ้านนะ"
มันก็อยู่ อยู่เฝ้าบ้าน ทีนี้ พญาไปทัพ ปล่อยมันเฝ้าบ้าน มันก็พยายามเล่นเมียพญา(เซี่ยงเมี่ยงเล่นชู้กับเมียพญา) เมียพญาก็เล่นคบชู้กับมัน จนไม่รู้จะทำยังไง
พญามารู้ว่ามันเล่น มันก็ว่ามันไม่ได้เล่น
"ผมไม่ได้เล่น ผมไม่ได้ทำจริงๆ"
"ก็มึงมีหลักฐานเหรอ"
"มีสิ .. ถ้าผมได้เสพได้สู่กับเมียพญา ดูผมนี่เถอะ"
เอาปลาร้าปลาสร้อยเข้าพอกหัวแหละ "ดูสิ"
กลิ่นสาบตลบอบอวน พญาก็เลยเชื่อมัน ว่าไม่ได้เล่นจริง มันก็ไปเลี้ยงม้าพญา
"เลี้ยงม้า... น้อย...นอย..นอย.. ถ้าไม่มีปลาร้าปลาสร้อยเซี่ยงเมี่ยงก็ตาย"

ทีนี้ก็มันหลอก ใครไปใครมาก็หลอก หลอกสารพัด
พญาว่า
"มันเป็นยังไง...หมอนั่นหลอกเก่ง มึงลองหลอกกูดูซิ"
พญาขี่ม้ามา มันไปอยู่สนามนู่น หลอกคนทั้งหลาย ใครก็ว่าเซี่ยงเมี่ยงเนี่ยช่างหลอก พญาขี่ม้าไป "อะ...เซี่ยงเมี่ยงมึงช่างหลอก หลอกกูดูซิ"
"ก็จะไปหลอกได้ยังไง พญาอยู่บนหลังม้า ถ้าจะให้ข้าหลอก ต้องลงมาจากม้า ทางนี้สิ ลงมาอยู่ใก้ลใกล้ จะหลอกได้"
พญาก็กระโดดลงหลังม้า
"เอ้า...หลอกได้แล้ว"
"ก็หลอกพญาลงม้านั่นแล้วไง"
ทีนี้พญาว่า
"เอ้อ... ตกลง หลงคำหลอกจริง"
ไม่รู้จะทำยังไง ก็มีอีกหมอหนึ่ง เอากระทะครอบหัวมา ผ่านมา มันแหละ... เอากระทะ...
เซียงเมี่ยงว่ามันทำไมเอากระทะครอบหัว (นึกในใจ)
"อึม...เซี่ยงเมี่ยงวันนี้ทำไมไม่หลอก"
"เอ...ยังไม่หลอกหรอก เป็นยังไงไม่รู้ ตะวันจะออกสองดวง ไม่รู้เนี่ย"
หมอที่เอากระทะก็หวังว่า ตะวันออกสองดวง เงยขึ้น ก็กระทะตกแตกเสีย

ทีนี้ซ้ำไปหาเขา..เอ่อ..ขายเมี่ยง ก็ไปหลอกเขาจนเมี่ยง หมดเกลี้ยง ก็เลยให้ชื่อ"ไอ้เซี่ยงเมี่ยง"
อยู่มาอีก ทีนี้มันก็พยามแกล้งพญาเรื่อยเรื่อย ผลสุดท้ายพญา ก็เกลียดมัน มันแกล้งพญาเหลือแรง(เหลือร้าย) จะฆ่ามัน เอาเอ่อ...ยาพิษใส่น้ำ เอาให้มันกิน มันก็กินจริง มันไม่รู้ ก่อนที่มันจะตาย มันก็ได้บอกให้เมียมันว่า
"ถ้าข้าจะตาย ถ้าข้าตายไปแล้วละ ให้เองเอาข้าใส่ในอู่ ไกวเสียแล้วก็ เอ่อ... เอาหนังสือวางลง ส่องหน้าให้ข้าอ่านนะ"
ทีนี้มันก็กินยานั้นตาย
ตายแล้ว..เมียมันเอาใส่ในอู่ไกว พญามา มาแอบมาดู
"หา...เซี่ยงเมี่ยงเนี่ยมันยังไง กินยานี้ไม่ตายหรือนี่ ยานี้ไม่มีพิษเหรอ"
พญาก็มาชิมยาดู พญาก็เลยตายด้วย เรื่องก็จบลงเท่านี้
credit: http://thaiarc.tu.ac.th

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2552

นิทานประกอบเพลงสนุก

ฟังเสียงนิทานประกอบเพลงสนุก ๆ แฝงคติ คลิกที่นี่

ใครหนอ...สร้างนิทานอีสป

นิทานที่ได้รับความนิยมและเชื่อว่าเป็นที่รู้จักกันทั่วโลกมากที่สุดรวมถึงในประเทศไทยด้วย คงหนีไม่พ้นนิทานอีสป ซึ่งนอกจากจะมีเรื่องราวสนุกสนานแล้วด้านหลังเล่มยังมีคติสอนใจจากเนื้อเรื่อง ด้วยคำว่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า...

หลายคนนึกสงสัยว่า ใครหนอ ช่างคิดเรื่องราวที่สนุกและแฝงแง่คิดที่ใช้ได้ไม่ล้าสมัยน้า...

วันนี้มีคำตอบมาเฉลยให้หายสงสัย

"นิทานอีสป" มีต้นกำเนิดอยู่ที่อาณาจักรกรีกโบราณ ซึ่งเจ้าของเรื่องเล่าอันสุดแสนสนุกไม่ใช่นักปราชญ์แต่เป็นทาสที่ไร้การศึกษาแต่เปี่ยมไปด้วยเชาวน์ปัญญาต่างหาก!!!

และชื่อของเขาคือ อีสป ซึ่งเป็นที่มาของชื่อนิทานอีสปนั่นเอง

อีสปเป็นชายผิวสีชาวแอฟริกาที่มีชีวิตอยู่ในนครรัฐกรีกและต้องการทำมาหากินโดยการขายตัวเป็นทาส แต่โชคร้ายที่รูปร่างหน้าตาของเขาไม่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานที่พิจารณาคนที่มีความสามารถด้านการต่อสู้เป็นหลัก แต่พระเจ้ากลับประทานมันสมองอันเลอเลิศให้แก่อีสปเป็นการตอบแทน เขาจึงหันมาใช้สติปัญญาในการหาเลี้ยงชีพแทนการใช้กำลัง

สุดท้ายแล้วอีสปก็สามารถเอาชนะใจคนกรีกได้ ด้วยการเล่าเรื่องธรรมดาๆ แต่สอดแทรกด้วยปรัชญา แง่คิด และคติสอนใจต่างๆ ซึ่งเมื่อใครได้ฟังก็สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ อีกทั้งยังนำคติสอนใจที่ได้รับไปประยุกต์ใช้กับการดำเนินชีวิตประจำวันของตัวเองได้ด้วย

ลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งของเรื่องราวจากอีสปก็คือ เขาจะใช้ตัวละครที่เป็นสิงสาราสัตว์ทั่วไป เช่น "หมาป่ากับลูกแกะ, สุนัขกับเงา, ราชสีห์กับหนู" หรือ "สุนัขจิ้งจอกกับกา" เป็นต้น

ความรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำราหรือในระบบการศึกษาเท่านั้น หากเรารู้จักค้นคว้าหาความรู้รอบตัวก็จะเป็นคนฉลาดแบบอีสปได้เหมือนกันนะ

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บทความที่1

วันนี้ข้าพเจ้า นางสาวสมฤทัย ใจประนบ ได้ศึกษาวิธีการสร้างบล็อก